หลังจากการสักปากด้วยเทคนิคออมเบร (Ombre Lips) เสร็จ ริมฝีปากจะเริ่มกระบวนการลอกประมาณวันที่ 3-4 โดยช่วงเวลาในการลอกของปากนั้นจะแตกต่างกันไปตามบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน ผิวริมฝีปากจะลอกออกหมด โดยที่ผิวปากและสีที่สักในครั้งแรกจะค่อย ๆ ลอกออก และในขณะเดียวกันผิวหนังของริมฝีปากก็จะถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยไม่เจ็บ ไม่มีเลือด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ธรรมชาติในการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนัง ริมฝีปากจะเริ่มใสขึ้น
ในช่วงระหว่างการลอก สีของริมฝีปากจะดูอ่อนลงจากสีที่แดงเข้มในช่วงแรกหลังการสัก โดยในรอบแรกของการสักปากสีจะติดประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เป็นปกติ แต่จะค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นภายใน 60 วัน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและดูไม่เข้มจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาของการลอกนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นฐานของผิวปากเดิมของแต่ละบุคคล และการดูแลรักษาหลังการสัก
เปอร์เซ็นต์การติดของสีหลังสักปากครั้งที่ 1
หลังจากที่ริมฝีปากของลอกเสร็จแล้ว สีที่ติดอยู่บนริมฝีปากจะมีความเข้มอยู่ที่ประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์จากสีที่สักในครั้งแรก ปริมาณและความเข้มของสีที่ติดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ เช่น
- ความเข้มของสีที่ใช้ในการสัก สีที่มีความเข้มมากจะติดนานและชัดเจนมากกว่าสีที่อ่อน
- ปริมาณสีที่ลงไปในริมฝีปาก หากช่างสักลงสีมาก ริมฝีปากจะสามารถเก็บสีไว้ได้มากขึ้น
- ความหนาและสีริมฝีปากเดิม ริมฝีปากที่มีสีเข้มตามธรรมชาติหรือหนามักจะติดสีน้อยกว่าริมฝีปากที่บางและมีสีอ่อน
- เทคนิคและความเชี่ยวชาญของช่าง ช่างที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงจะสามารถทำให้สีติดดีและคงอยู่ได้นาน
- คุณภาพของสีและเครื่องมือที่ใช้ สีที่มีคุณภาพสูงและเครื่องมือที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีและติดทนนานขึ้น
เปอร์เซ็นต์การติดของสีหลังสักปากครั้งที่ 2
เมื่อมาเติมสีสักปากครั้งที่ 2 หลังจากที่ริมฝีปากของลอกเสร็จแล้ว สีที่ติดอยู่บนริมฝีปากจะมีความเข้มอยู่ที่ประมาณ 70เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเวลาผ่านไป 60-90 วัน สีปากจะค่อยๆดันตัวขึ้นบนผิวปาก ผลลัพธ์ที่ได้จะดูแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติ และจะมีสีที่สวยสมบูรณ์ที่ 180 วันขึ้นไป
การดูแลหลังการสักปาก Natural Ombre Lips
หลังจากการสักปากชมพู ริมฝีปากของคุณอาจจะดูเข้มมากกว่าที่เลือกไว้ในครั้งแรก ซึ่งเป็นอาการปกติ และจะมีการบวมเล็กน้อยในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรก บางคนอาจไม่รู้สึกบวมเลย หรือบางคนอาจจะบวมเป็นเวลาหลายวันขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ในช่วงนี้ การประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมและอาการแสบได้
ขั้นตอนการลอกและการดูแล
- วันที่ 3-4 หลังการสัก: ริมฝีปากจะเริ่มมีการลอกเล็กน้อย คล้ายกับเวลาปากแห้งหรือแตกเนื่องจากขาดน้ำ ห้ามใช้มือแคะ แกะ หรือเกาอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือทำให้สีไม่ติดได้ตามที่คาดหวัง
- เมื่อครบ 1 สัปดาห์: ริมฝีปากจะลอกออกหมดในช่วงเวลานี้ สีที่เหลืออยู่จะดูอ่อนลงมาก ปากจะดูใสอมชมพู อาจจะไม่เห็นสีเลยหรือเห็นเพียงเล็กน้อย แต่ในช่วงเวลานี้จะเป็นกระบวนการที่สีจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 60 วัน สีจะค่อยๆดันตัวขึ้นมาบนผิวปาก
ในช่วงนี้ เราจะนัดคุณมาเติมสีอีกครั้งหลังจากสักไปแล้วประมาณ 60 วัน การเติมสีรอบที่ 2 นี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากสีในครั้งแรกอาจไม่ติดเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจมีบางจุดที่สีไม่สม่ำเสมอ การเติมสีรอบ 2 สีจะติด 70 – 80 เปอร์เซ็นต์ และได้สีสวยแบบเฉดธรรมชาติ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการติดของสี
ริมฝีปากเป็นบริเวณที่ต้องสัมผัสกับน้ำตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำ การรับประทานอาหาร หรือการแปรงฟัน ดังนั้น สีที่สักลงไปอาจจะหลุดง่ายกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น คิ้ว นอกจากนี้ ปริมาณการบวมหรือการมีเลือดออกระหว่างการสักก็มีผลต่อการติดของสีด้วย
ข้อห้ามหลังการสักปาก
หลังจากการสักปากเสร็จแล้ว มีข้อห้ามหลายอย่างที่คุณควรปฏิบัติตามเพื่อให้ริมฝีปากที่สักนั้นคงสีและคงความสวยไว้ได้นานที่สุด ข้อห้ามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเวลาหลังการสักปาก 1-2 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ริมฝีปากยังอยู่ในระยะการฟื้นฟูและสีต้องการเวลาในการติดให้เต็มที่
- ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่จะทำให้ปากแห้งและสีจางเร็วขึ้น แอลกอฮอล์ยังทำให้ร่างกายมีการสูญเสียน้ำมากขึ้น ส่งผลให้ริมฝีปากฟื้นฟูช้าลง
- ห้ามรับประทานอาหารเผ็ดหรือร้อน: อาหารที่มีความเผ็ดหรือร้อนจะทำให้ริมฝีปากระคายเคือง และทำให้สีจางเร็วขึ้น
- ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ลิปสติกหรือลิปแมต: ควรใช้ลิปมันที่ช่างแนะนำเพื่อให้สีติดทนและริมฝีปากฟื้นฟูได้ดี
- ห้ามแคะ แกะ หรือเกาปาก: การทำเช่นนี้จะทำให้ริมฝีปากเกิดแผลและทำให้สีไม่ติดตามที่ต้องการ
- ห้ามว่ายน้ำหรือแช่น้ำร้อน: การสัมผัสกับน้ำในปริมาณมากจะทำให้สีหลุดลอกออกเร็วขึ้น
การดูแลและรักษาหลังการสักปาก
นอกจากข้อห้ามที่ควรปฏิบัติตามแล้วยังมีข้อควรรู้ และขั้นตอนในการดูแลริมฝีปากหลังการสักที่ควรให้ความสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและติดทนนาน
- ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัด: แสงแดดจะทำให้สีจางลง ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดเป็นเวลานาน
- ใช้ลิปมันที่มีสารกันแดด: เพื่อป้องกันแสงแดดที่จะทำให้สีของริมฝีปากจาง
การสักปากเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและการดูแล